Sunday, February 12, 2017

เกาะพยาม ...ที่สวยในแบบที่ไม่ต้องพยายาม

เกาะพยาม  หรือ หลายๆคนคงเคยได้ยิน "มัลดีฟเมืองไทย"
เกาะพยาม เป็นเกาะที่ตั้งอยู่ในทะเลอันดามัน ติดเขตจังหวัดระนอง เมืองฝน 8 แดด 4 (คือทั้งปี ฝนตกไปแล้ว ถึง 8 เดือนเค้าว่างั้น)
ที่มาของเจ้าชื่อ เกาะพยาม เนื่องจากสมัยก่อน ใครจะไปเกาะนี้ต้องอาศัยติดเรือเค้าไป ไม่มีท่าเรือประจำ ต้องถามว่าใครไปบ้าง  เรียกว่าต้องใช้ความพยายามสู้งปรี๊ดดดในการมาเยือน ..จึงเรียกว่าเกาะพยายาม ต่อมาเสียงกร่อนลง เหลือแค่เกาะพยาม
ทริปนี้อิชั้นเริ่มต้นที่กระบี่ หลังแวะเที่ยวเกาะพระทอง  แล้วจึงเดินทางต่อมาที่เกาะพยายาม
(ติดตามเกาะพระทอง  อันซีนทุ่งหญ้าสะวันนาเมืองไทย และสวรรค์ของนักส่องนก ตาม link นี้ )
*** ระนองมีสายการบินนกแอร์  วันละ 2 รอบ  คือ 5 am และ 5 pm  จากสนามบินสามารถจับรถตู้พามาที่ท่าเรือปากน้ำเพื่อลงเรือไปเกาะพยามได้ ระยะทางเพียง 28 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 35 นาที***
อิชั้นขับรถมาจึงต้องฝากรถไปที่ใกล้ท่าเรือ ซึ่งก็มีบริการเต็นรับฝากหลายเจ้า เลือกเอาที่สะดวก เพราะเมื่อฝากรถเรียบร้อยก็จะมีรถพาเข้ามาที่ท่าเรือ ซึ่งใช้เวลาในการนั่งรถอีกไม่เกิน 5 นาที
ลืมบอก ว่า ท่าเรือข้ามไปเกาะพยาม คือ ท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ  ตอนแรกอิชั้นก็ต้องพี่กู๋แมพไม่ถูกเหมือนกัน 

เอาละ..ซื้อตั๋วลงเรือกัน
เรือมี 2 แบบ คือ เรือธรรมดา กับ เรือสปีดโบ๊ต
สำหรับเรือธรรมดามีรอบ 9.30 น. กับ 14.00 น. ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ราคา 150 บาท
เรือสปีดโบ๊ตมีรอบ 10.00 น. กับ 14.30 น. ใช้เวลา 40 นาที ราคา 270 บาท
ตอนที่เราไปถึงเรือใกล้จะออกพอดี 

ที่ท่าเรือเกาะพยาม เราจะขึ้นท่าเรือที่หาดแม่ม่าย  ตอนเดือนนั้นที่อิชั้นไป มันช่วงปะเหมาะเคราะห์ร้ายใดใดก็มิทราบได้ ช่วงมกราคม ที่ท่าเรือแห่งนั้นเต็มไปด้วยตัวริ้น  แล้วมีชาวบ้านให้ความรู้ว่าตัวริ้วมันจะชอบกัดดูดเลือด โดยมันจะเลือกคนที่สวมเสื้อผ้าสีอ่อน และคนที่มีกลิ่นหอม เช่นฉีดน้ำหอมหรือทาโลชั่นทาตัวที่มีกลิ่น  ...นั่นแหละค่าอิชั้นโดนเต็ม ส่วนน้องสาวนางแทบจะเดินสบายๆชิลๆไป
แนะนำว่าเพื่อความปลอดภัยควรใส่เสื้อผ้าสีเข้ม แขนขายาว รวมถึงงดฉีดน้ำหอม หรือทาตัวด้วยใดใดที่มีกลิ่นค่ะ
วันนี้เราจะพักที่นิธิพรรีสอร์ท ซึ่งอยู่หน้าหาดแม่ม่ายนี่แหละค่ะ ติดกับ Blue sky resort มัลดีฟเมืองไทยในตำนาน..แต่ช่วงที่เข้าพัก ราคาที่นั่นขึ้นไปถึงเกือบ 5 พัน  เลยตัดใจเก็บเงินไว้เติมน้ำมันดีกว่า

นิธิพรเค้าจะมีรถมารับนะคะ เป็นรถอีแต๋นสีชมพูสดใจ แต่ตอนนั้นเราคิดว่าระยะทางไม่ไกลเลยอาศัยสองเท้าเดินเอาดีกว่าจะได้ชมบรรยากาศด้วย  โดยลืมไปว่า นี่มันตอนเที่ยง !!! เจ้าพระคู้นเอ้ย กว่าจะถึงที่พัก หมดแรงข้าวต้ม...เอาเข้าจริงระยะทางน่าจะราวสัก 4-500 เมตร เท่านั้น  แต่ทำไมมันเหนื่อยขนาดนั้น
ที่นี่ราคาห้องพักอยู่ที่คืนละ 850 บาทเท่านั้น OMG!!  เอ่าล่ะ ให้เวลาหน้าหน้าล้างตา นอนพักสักนิด ละรอให้แดดร่มกว่านิอีกหน่อย เดี่ยวเราจะไปเช่ามอเต้อไซต์แว้นกัน
ระหว่างนี้ลองสำรวจบริเวณรอบห้องพักเรากันก่อนนะ
ขณะเดินดูรอบท้องเจ้ากรรม  ก็ส่งเสียงสนั่น..เอ้าไปเติมพลังให้ท้องกัน เดินมาเพียงนิดเดียวก็จะถึงร้านในโรงแรม blue sky ที่นี่เราเลือกกินเสต๊ก กับคาลามารี  จากมุมร้านอาหารในโรงแรม มองออกไปจะเห็นท่าเรือ เห็นหาดสวยๆร้างผู้คน  มีนกเหยี่ยมบินโฉบหาอาหารบริเวณหน้าหาด

เดินลงไปดูใกล้ๆสักนิด  หาดทรายมีเพียงแต่เรา สงบ มองไปเห็นน้ำทะเลตัดกลับขอบฟ้า มีน้องหมา มีนกเหยี่ยวบินเล่นลม  ช่างเป็นบรรยากาศที่หาได้ยากจากเกาะที่เจริญแล้ว

เอาล่ะ อิ่มกันแล้ว ดวงอาทิตย์เริ่มอ่อนแสงลงนิดสสส์นึง ย้ำว่านิดเดียวจริงๆ  เอาล่ะ .โปะครีมกันแดดเพิ่มแล้วไปเช่ามอเตอร์ไซต์กันดีกว่า

การเดินทางในเกาะ –คราวนี้เด็กแว้นต้องยิ้มล้าวว  เพราะ ใช้มอเตอร์ไซต์สะดวกที่สุด ถนนบนเกาะ ถ้าเป็นถนนเส้นหลัก จะเป็นทางคอนกรีต ขับง่าย ไม่ค่อยมีทางชันขึ้นเขามากเท่าไหร่ ยกเว้นทางไปอ่าวเล็ก ๆ หรือทางลงบังกะโล จะเป็นทางลูกรัง ขึ้นลงเนิน ต้องขับขี่ระวัง  โดยเฉพาะตรงอ่าวกวางปีบอิชั้น นี่ลงไปจูบดินมาแล้วค่า ทางชัน และถนนเป็นหลุมมากมาย
นอกจากขับรถระวังแล้วอุปกรณ์ป้องกันตัวต้องครบน้า
เนื่องจากตะวันคล้อยต่ำแล้วเราจึงเลือกอ่าวที่ไม่เปลี่ยวสุดตามที่รีวิวมา คือ อ่าวใหญ่
อ่าวใหญ่คือใหญ่สมชื่อ เป็นหาดทรายยาว  ทรายสีดำละเอียด และที่นี่ยังมีปูเสฉวนที่บอกถึงความเป็นธรรมชาติได้เป็นอย่างดี (เมื่อ 20 กว่าปีก่อนที่หาดสมิหราก็มีปูเสฉวน มีหอยหวาน ชุกชุมเช่นกัน ภาวนา ขอให้อีก 20 ปี ต่อจากนี้ ที่นี่จะไม่เป็นเช่นหาดสมิหลา เด้อ )
ที่อ่าวใหญ่มีเกสเฮ้าท์ มีร้านอาหารให้เลือกเพียบ  แต่เส้นทางจากท่าเรือมาอ่าวใหญ่ค่อนข้างไกล แต่ถนนดี ขับง่าย  ถ้าใครยังไม่มีที่พักอ่าวใหญ่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย
ที่นี่สามารถเล่นน้ำได้ มีคลื่นแรงบางช่วง ลมพัดเย็นสบาย นั่งมองดวงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าที่นี่ ทิ้งไว้แต่เพียงท้องฟ้าส้มๆ

กลับบังกะโลไปนอนรับลมกันที่หน้าบ้าน บังกะโลที่เราพักแทบจะไม่มียุงเลย อาจจะเป็นเพราะลมทะเลพัดแรงตลอดทั้งคืน เราจะได้ยินเสียงคลื่นกระทบฝั่ง อย่างชัดเจนทั้งคืน

รุ่งเช้า ด้วยราคานี้แต่ก็มีอาหารเช้านะจ้ะ
ลงมากินอาหารเช้าที่ชายหาด
ลงจากท้องอิ่มเดินย่อยอาหารนิดนึง 

เสียดายที่วันนั้นไม่มีเวลาพายเรือคยัค เพราะต้องรีบไปสำรวจเกาะกันต่อ  แต่ถ้าใครมีเวลา แนะนำว่าห้ามพลาด

อ่าวแรกที่เราจะไปกันวันนี้คืออ่าวกวางปีบ  เรียกว่าทางขึ้นปราบเซียน  จนสุดท้ายเราต้องขอทิ้งไว้กลางทาง แล้วเดินต่อไปอีกนิดหน่อย

ที่หาดนี้เรียกว่าค่อนข้างสงบ มีชิงช้าให้นั่งเล่น และมีรีอสอร์ทตั้งอยู่ ช่วงที่เราไปเยือนมีแขกกำลังรอขึ้นเรือ อยู่พอดี จึงทำให้เราทราบว่าจริงๆ แล้วก้สามารถขึ้นลงเรือจากฝั่งนี้เหมือนกัน

บรรยากาศรอบๆหาด เหมาะกับการมานั่งเล่นปิกนิกเป็นอย่างมาก

และแล้วช่วงเวลาน้ำตาตกก็มาถึง  ขาขับลงจากทางไปอ่าว ด้วยความที่ทางค่อนข้างชัน และ มีหลุมบนหน้าถนนพอสมควร ทำให้เราเสียหลัก ลงไปคลุกดิน ฮือๆ โชคดีที่ได้แผลถลอกมาเพียงน้อย

จากนั้นอ่าวเขาควายคือที่หมายต่อไป

ที่นี่เราตะลึงกับน้ำสีฟ้าใสราวกับคริสตอล  แต่แอบกระซิบ ทางลง ค่อนข้างชันพอตัว

ได้เวลาแล้ว  เอารถไปคืนที่ร้าน แล้วมานั่งรอเรือที่ท่าเรืออ่าวแม่ม่ายกัน

ลาแล้วสาวน้อยที่ชื่อ พยาม ...แล้วชั้นจะมาเยี่ยมเธอใหม่นะ

จุ๊บจุ๊บ












No comments:

Post a Comment